7 วิธี ทานพอลลิติน POLLTIN ให้ได้ผล


18 Jan 2019



บำบัดโรคด้วย "Cernitin" "Pollitin" ให้ได้ผล

จะเห็นว่าในผู้ป่วยที่ได้รับการบําบัดด้วย Cernitin บางรายใช้ระยะเวลาสั้นในการฟื้นฟูสุขภาพและตอบสนองต่อการบําบัดโรคได้ค่อนข้างดี บางรายใช้ระยะเวลานานกว่าปกติ และตอบสนองต่อการบําบัดโรคได้ไม่ดีเท่าที่ควร รวมถึงบางรายไม่ตอบสนองต่อการบําบัด โรคเลย เราลองมาพิจารณากันซิว่า อะไรเป็นปัจจัยที่มีผลต่อความสําเร็จในการบําบัดโรค ด้วย Cernitin กันนะครับ ผมเชื่อมั่นว่าบทความดังกล่าวนี้จะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย สําหรับท่านสมาชิกทุกท่าน รวมถึงผู้ป่วย และบุคคลที่กําลังให้ความสนใจที่จะดูสุขภาพด้วย สารอาหารบําบัดโรคที่ได้อ่านบทความนี้ะครับ เราลองมาหาคําตอบไปพร้อมๆ กันนะครับ ปัจจัยที่ทําให้การบําบัดโรคด้วย Cernitin สัมฤทธิ์ผล ประกอบด้วย
 

1. การเลือกชนิดเซอร์นิตินให้ตรงตามโรดของผู้ป่วย

ผู้แนะนําควรมีความรู้ความเข้าใจเป็นอย่างดีในการจัดชุด เซอร์นิติน ให้ตรงกับ โรคของผู้ป่วย ควรมีความรู้เกี่ยวกับโรคเป็นอย่างดี ว่าผู้ป่วยเป็นโรคหลัก คือ โรคอะไร และระบบของร่างกายส่วนใดที่ผิดปกติ และต้องการการฟื้นฟู เช่น โรคหลักของผู้ป่วย คือ เบาหวาน ส่งผลให้เกิดการเสื่อมสภาพของไต (โรคไต) กระดูก (ภาวะกระดูกพรุน) หัวใจและ หลอดเลือด (หลอดเลือดหัวใจตีบ) เกล็ดเลือด (เกล็ดเลือดต่ํา) เป็นต้น ดังนั้นจะเห็นว่าชนิดของเซอร์นิตินที่ควรจัดให้กับผู้ป่วย ก็คือ Wheatgrass/ระบบไต Potitab, Royal Vita/ ระบบกระดูก Cernitromb/ระบบหัวใจและหลอดเลือด Cermina/ภาวะเกล็ดเลือดต่ำ

ดูรายละเอียด เซอร์นิติน ราคา ? รักษามะเร็งด้วย Cernitin Pollitin ต้องใช้เงินประมาณเท่าไหร่ ?
 

2. ระดับของสารอาหารบำบัดที่เพียงพอ

ผู้แนะนําควรมีความสามารถในการประเมินอุบัติการณ์ของโรคที่ผู้ป่วยกําลังเผชิญ อยู่ได้ เช่น หากผู้ป่วยมีอุบัติการณ์ที่ค่อนข้างหนัก เช่น โรคไตหรือโรคตับระยะสุดท้าย ควร บริหารระดับของสารอาหารบําบัดให้เพียงพอ เช่น อย่างละ 1 เม็ด 4 เวลาต่อวัน หากผู้ป่วยมีอุบัติการณ์ของโรคในระดับกลาง อาจบริหารระดับของ สารอาหารบําบัด เช่น อย่างละ 1 เม็ด 2 เวลา สุดท้าย หากพบว่า ผู้ป่วยมีอุบัติการณ์ของโรคในระดับเริ่มต้น หรือผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพ อาจบริหารระดับของสารอาหารบําบัด เช่น อย่างละ 1 เม็ด ต่อวัน
 

3. ความสม่ำเสมอในการทานสารอาหารบำบัดโรค

ผู้ป่วยควรมีวินัยในการทานสารอาหารบําบัดโรคอย่างสม่ําเสมอตามที่ผู้แนะนํากําหนด เพราะหากขาดความสม่ำเสมอในการทาน เช่น กําหนดว่าควรทานอย่างน้อย อย่างละ 1 เม็ด 2 เวลาต่อวัน แต่ผู้ป่วยทานแค่ 1 เวลาต่อวัน เพราะระดับของสารอาหาร บําบัดโรคที่เหมาะสมมีผลโดยตรงต่อการบําบัด ทั้งนี้ในผู้ป่วยหนักมีความต้องการระดับ ของสารอาหารบําบัดโรคที่สูงกว่าและต่อเนื่องมากกว่าผู้ป่วยทั่วไป
 

4. ภาวะวิกฤตของอาการผู้ป่วยและการสูญเสียการทำงานในบางระบบของร่างกาย

ผู้ป่วยหนักบางรายที่มีขีดความสามารถในการดูดซึมสารอาหารได้ต่ำมาก อันเนื่อง มาจากความผิดปกติของระบบต่างๆ ในร่างกายที่สูญเสียการทํางาน เกิดการหย่อน ประสิทธิภาพ หรือเสื่อมสภาพอย่างถาวร เช่น ผู้ป่วยอัมพาตที่ป่วยนอนติดเตียงนานๆ เป็นแรมปี ทําให้สูญเสียมวลกล้ามเนื้อส่งผลให้กล้ามเนื้อลีบ บางรายพบว่ามีภาวะข้อติด เส้นเอ็นตาย ทําให้สูญเสียการเคลื่อนไหว บางรายที่ประสบอุบัติเหตุส่งผลต่อระบบประสาท ส่วนกลาง ทําให้ไม่สามารถเคลื่อนไหวร่างกายช่วงล่างได้ หรือผู้ป่วยที่ขาดวิตามินเอ ที่เป็น สาเหตุของการสูญเสียการมองเห็นอย่างถาวร หากจะถามว่า แล้วทาน Cernitin จะช่วย อะไรได้บ้างในผู้ป่วยเหล่านี้ คําตอบก็คือ ช่วยให้ผู้ป่วยได้รับสารอาหารที่จําเป็นได้อย่าง ครบถ้วน ส่วนการฟื้นฟูสภาพร่างกาย เป็นกลไกลทางร่างกายของผู้ป่วยแต่ละคน ซึ่งไม่อาจ กําหนดหรือคาดการณ์ล่วงหน้าได้ว่าผู้ป่วยจะสามารถตอบสนองต่อการบําบัดได้ในระดับใด ได้บ้าง ซึ่งแม้แต่แพทย์เฉพาะทางเองก็ยังไม่สามารถให้คําตอบได้เช่นกัน

ดังนั้นผู้แนะนําควรทําความเข้าใจกับญาติผู้ป่วยล่วงหน้าก่อนในเบื้องต้น เกี่ยวกับ ผลการบําบัดโรค และความคาดหวังของผลการบําบัดโรคที่อาจเป็นไปได้ในแต่ละช่วงเวลา เช่น ผู้ป่วยจะมีความสมบูรณ์ของร่างกายมากขึ้นในช่วงเวลา 2 สัปดาห์ อาการวิงเวียน ศรีษะจากภาวะความดันโลหิตสูงจะลดลงหลังจากผ่านไปแล้ว 2 สัปดาห์ เป็นต้น
 

5. พฤติกรรมการบริโภคอาหารบางประเภทของผู้ป่วย

ผู้ป่วยบางรายที่อยู่ระหว่างการทานสารอาหารบําบัดโรค Cernitin ไม่งดเว้นการ รับประทานอาหารบางประเภทที่อาจเป็นอุปสรรคหรือขัดขวางการบําบัดโรค เช่น ผู้ป่วย มะเร็งเต้านม ควรงดเว้นอาหารที่มีองค์ประกอบของฮอร์โมนเอสโตรเจนที่มีผลกระตุ้นเซลล์ มะเร็งให้ขยายตัวมากขึ้น เช่น น้ํามะพร้าว และน้ําเต้าหู ผู้ป่วยโรคไต ระยะไตวาย ที่มี ของเหลวในช่องท้องจํานวนมาก ควรงดเว้นอาหารรสชาติเค็มที่มีเกลือโซเดียมสูง และผลไม้ ที่มีโปตัสเซียมสูง เช่น ส้ม มะนาว มะละกอ หรือผักที่มีสีเขียวและสีเหลืองเข้ม เช่น ผักขม ฟักทอง เป็นต้น
 

6. การบําบัดโรคด้วย Cernitin ร่วมกับการรักษาด้วยยาแผนปัจจุบันเดิม

ในช่วงแรกที่เริ่มบําบัดโรคด้วย Cernitin ผู้ป่วยสามารถทานควบคู่กับการทานยาแผนปัจจุบันที่ผู้ป่วยทานอยู่เดิมได้ เพราะนอกจากจะช่วยให้ผู้ป่วยเกิดความสบายใจแล้ว ยังช่วยให้การรักษามีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง ผู้ป่วยโรคหลอด เลือดสมอง/หัวใจตีบ แต่ในผู้ป่วยบางรายที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงที่ทาน Cernitin ไปแล้ว สักระยะหนึ่งและมีการทานยาลดไขมันในกระแสเลือดร่วมด้วย เช่น simvastatin อาจทําให้ ผู้ป่วยมีน้ําหนักตัวลดลงได้ ฉะนั้นจะเป็นการดีหากมีการตรวจยืนยันผลเลือดเพื่อให้ทราบ ระดับไขมันในกระแสเลือด ความดันโลหิต เพื่อพิจารณาหยุดยาลดความดันและยาลดไขมัน ในกระแสเลือดในที่สุด
 

7. ข้อควรคํานึงถึงสําหรับบางกลุ่มอาการโรคกับบางชนิดของสารอาหารบำบัดโรค

กลุ่มโรคบางอย่างที่หากมีการทานสารอาหารบําบัดโรค Cernitin บางชนิด อาจทําให้ขัดขวางการฟื้นฟูเซลล์ได้ เช่น ในผู้ป่วยโรคตับ และโรคไต ที่มีของเหลวในช่องท้องมาก ท้องโต หากทาน Cerminal และ Royal Vita ซึ่งมีส่วนประกอบของสารอาหารวิตามิน และเกลือแร่ที่เข้มข้นจะทําให้ตับ และไต ทํางานหนักมากขึ้น ส่งผลให้ของเหลวในช่องท้องมีปริมาตรมากขึ้น หรือในผู้ป่วยโรคมะเร็งทุกชนิด ยกเว้นโรคมะเร็งตับ ตับแข็ง หากทาน Cernitromb จะทําให้เลือดไปเลี้ยงเซลล์มะเร็งมากขึ้น และเซลล์มะเร็งมีโอกาสที่จะ ขยายตัวมากขึ้น หรือแม้กระทั่งในผู้ป่วยโรคเบาหวาน ที่มีการทาน Slac เพื่อหวังผลในการ ลดไขมันส่วนเกินและระดับน้ําตาลในกระแสเลือด อาจทําให้ผู้ป่วยเกิดภาวะน้ําตาลในเลือด ต่ําและรู้สึกอ่อนเพลีย ดังนั้นในผู้ป่วยที่มีอาการโรคดังกล่าวข้างต้น ควรพิจารณาจัดชนิด ของสารอาหารบําบัดโรค Cernitin ด้วยความระมัดระวัง

มะเร็งเป็นได้ก็หายได้ ยับยั้งมะเร็งด้วย เซอร์นิติน


ปรึกษาข้อมูล หรือสั่งซื้อพอลลิติน
ปรึกษาฟรี ตลอด 24 ชม. แอดเลย!
โทร: 080-992-8297, 083-080-0131
Line ID: @cernitins
Line: https://lin.ee/rDO24Wn
Facebook: Cancer Thailand สารอาหารบำบัด
Website: https://www.cancer-thailand.com/


SHARE :



080-992-8297, 083-080-0131

@cernitins

เพิ่มเพื่อน



Copyright © 2019 All Rights Reserved. Designed By Golly-design